เรื่องน่ารู้ ผ้าปูที่นอน
วิธีปูที่นอน
การเลือกผ้าปูที่นอนให้เหมาะสม
เราควรคำนึงถึงขนาดที่นอนและความสูงของที่นอน เพื่อคำนวณความกว้างยาวของผ้าปูที่นอนที่จะเลือกซื้อนอกจากนี้ต้องเลือกประเภทเนื้อผ้าให้เหมาะสม ซึ่งเนื้อผ้าผ้าปูที่นอนแบ่งได้เป็นหลายแบบ ทั้งแบบ Cotton 100%, Cotton Satin, Cotton แบบผสมโพลีเอสเตอร์ และอีกมากมาย ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดให้ทราบต่อไปนะคะ
ผ้าปูที่นอนแบ่งเป็น 2 ประเภท
- ผ้าปูที่นอนแบบไม่รัดมุม (flat sheet) : ผ้าปูที่นอนจะตัดตามขนาดของที่นอน ขนาดผ้าปูที่นอนผ้ามาตรฐานคือ
ที่นอน 5 ฟุต : ใช้ผ้าปูที่นอนขนาด 110”x110” กรณีที่นอนสูง 6 นิ้วอาจใช้ผ้าปูที่นอนขนาด 90”x110” ได้
ที่นอน 6 ฟุต : ใช้ผ้าปูที่นอนขนาด 110”x120” กรณีที่นอนสูง 6 นิ้วอาจใช้ผ้าปูที่นอนขนาด 110”X110” ได้
ดังนั้นในการเลือกซื้อผ้าควรระบุขนาดให้ชัดเจน เนื่องจากบางครั้งผู้ขายอาจจะแจ้งว่าขนาดผ้าปูสำหรับที่นอน 6 ฟุต แต่อาจจะให้ผ้าขนาด 110”X110” แก่ลูกค้าได้ ทำให้ผ้าที่เหลือไว้สอดใต้ที่นอนจะเหลือน้อย สร้างปัญหาให้ลูกค้าภายหลังได้ค่ะ
ข้อดีของผ้าปูที่นอนแบบไม่รัดมุม
- สวยงามและเป็นถือเป็นมาตรฐานสำหรับโรงแรม รีสอร์ท
- รีดง่าย ทั้งแบบใช้เครื่องรีดอัตโนมัติ และเครื่องรีดแบบธรรมดา
- พับเก็บง่าย
ข้อเสียของผ้าปูที่นอนแบบไม่รัดมุม
- ต้องใช้บุคลากรที่มีความชำนาญในการปูที่นอน
- ราคาจะสูงกว่าแบบผ้าปูรัดมุมเพราะต้องเผื่อขนาดผ้าไว้สอดใต้ที่นอนพอสมควร
- ผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม (fitted sheet) : จะมียางยืดตรงขอบทั้ง 4 ด้าน เราควรต้องทราบขนาดความสูงของที่นอนเพื่อจะได้ทำขนาดรัดมุมให้พอดี ความสูงของที่นอนทั่วไปจะมีขนาด 6นิ้ว – 12 นิ้ว
ข้อดีของผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม
- ใช้งานง่าย และสะดวกต่อการปูที่นอน
- ไม่ต้องใช้บุคลากร หรือผู้ที่มีความชำนาญมาก
- ราคาประหยัดกว่าแบบไม่รัดมุม เนื่องจากไม่ต้องเผื่อผ้าไว้สอดใต้ที่นอนเยอะ
ข้อเสียของผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม
- เมื่อปูผ้าปูที่นอนแล้วอาจจะมีรอยยับย่นตรงมุม แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะอย่างไรก็ตามจะมีผ้าห่มนวม หรือผ้าห่มอื่นๆ ปิดทับทำให้ไม่เห็นรอยยับย่นดังกล่าว
- การรีดแบบใช้เครื่องรีดอาจยับได้ เนื่องจากไม่สามารถเปิดผ้าได้เป็นชิ้นเดียวเหมือนผ้าปูไม่รัดมุม
วิธีพับผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม
ประเภทของเนื้อผ้า สำหรับใช้ทำผ้าปูที่นอน
- ผ้า Cotton Satin : เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงไม่ระคายเคือง ให้สัมผัสที่นุ่มสบายกว่าเส้นใยชนิดอื่นๆ จึงเป็นที่นิยมใช้งานใน ที่พัก โรงแรม และรีสอร์ท คุณสมบัติของเนื้อผ้าสามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเมื่อเทียบกับผ้าชนิดที่ผสมใยสังเคราะห์ จะเป็นผ้า Cotton 100% เนื้อ Satin จะให้มีความเงางาม ไม่อับชื้น และไม่อมกลิ่น ทนทาน ใช้งานได้นานไม่เป็นขุย ยิ่งซักยิ่งนุ่มสบาย และอัตราการหดของผ้าจะน้อยมาก แต่ราคาจะสูงกว่าผ้าชนิดอื่นๆ สำหรับโรงแรม, รีสอร์ท ระดับ 4-5 ดาว จะเลือกใช้ผ้า Cotton Satin ทอเป็นลายริ้วเพื่อความสวยงาม , คุ้มค่า , หรูหราและสนองความพึงพอใจแก่ลูกค้า
- ผ้า Cotton 100% : เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงไม่ระคายเคือง ให้สัมผัสที่นุ่มสบายกว่าเส้นใยชนิดอื่นๆ จึงเป็นที่นิยมใช้งานใน ที่พัก โรงแรม และรีสอร์ท เนื้อผ้ามีความคงตัวสูงซึ่งอาจจะทำให้ยับง่าย แต่เมื่อใช้ความร้อนรีดแล้วจะเรียบ และนุ่มเบาสบาย
คุณสมบัติของเนื้อผ้าสามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเมื่อเทียบกับผ้าชนิดที่ผสมใยสังเคราะห์ จะเป็นผ้าเนื้อนุ่ม สัมผัสเบาสบาย แนบผิว อากาศและเหงื่อถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื่น ไม่อมกลิ่น ความทนทานขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นใยการทอ เช่น Cotton 100% ทอ 250 เส้น (ต่อ 1 ตารางนิ้ว) จะทนทาน และแน่นกว่า Cotton 100% ทอ 180 เส้น (ต่อ 1 ตารางนิ้ว) และจะไม่เป็นขุยง่าย ซักได้บ่อยครั้ง สัมผัสก็จะนุ่มและแน่นกว่า เส้นใยที่ทอน้อยเช่น 180 เส้นจะบางเร็ว และอัตราการหดตัวจะสูงมาก
** อย่างไรก็ตามผ้า Cotton จะมีอัตราการหดตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแน่นของเนื้อผ้า กรณีทอ 250 เส้นก็จะมีอัตราการหดตัวที่น้อยกว่า ทอ 180 เส้น
- ผ้า CVC : เป็นผ้า Cotton 100% ผสม เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ขึ้นอยู่กับอัตราของส่วนผสมระหว่างวัสดุ 2 ชนิด ที่มีจำหน่ายคือ Cotton 50% + Polyester 50% เนื้อสัมผัสของผ้าจะไม่นุ่มเท่ากับผ้า Cotton 100% แต่มีข้อดีคือ เนื้อผ้าจะหนากว่าผ้า Cotton 100% เนื้อผ้าไม่ค่อยยับเหมือนผ้า Cotton 100% และราคาถูกกว่า
ทำไมผ้าปูที่นอนโรงแรม รีสอร์ท ห้องพัก ต้องเป็นสีขาว